เหอเซียนกู
เหอเซียนกูหรือที่รู้จักกันดีในนามฮ้อซียนโกว เป็นเซียนองค์ที่หกในบรรดาแปดเซียน มีความพิเศษเป็นเ อกลักษณ์ คือ เป็นเซียนผู้หญิง ซึ่งแตกต่างจากเซียนทุกองค์ที่ล้วนแต่เป็นผู้ชาย เหอเซียนกูเป็นหญิงสาวที่งดงาม มีนิสัยสุภาพ เรียบร้อย เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา มีความโดดเด่นในเรื่องของความกตัญญู ภาพลักษณ์ที่เห็นคุ้นเคยในเหล่าแปดเซียนก็คือ เป็นนางฟ้าลอยอยู่บนปุยเมฆในมือถือดอกบัววิเศษ เหอเซียนกูเกิดที่ ตำบลหนินหลิง ในสมัยพระนางบูเช็กเทียน แห่งราชวงศ์ถัง หรือราวพุทธศักราช 1227-1248 เมื่อวันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 4 ตามปีจันทรคติของจีน
เรื่องเล่าตำนานเหอเซียนกูมีอยู่หลายตำนาน หลายที่มา ดังนี้ บ้างก็ว่าเหอเซียนกูมีชีวิตอยู่ในสมัยราชวงศ์ถัง มีชื่อเดิมว่าเหอฉวน เมื่ออายุได้ 13 ปี นางได้ขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรและได้พบกับหลี่ตังปิน ซึ่งได้มอบลูกท้อวิเศษให้แก่นาง และได้บอกว่าหากต้องการชีวิตที่เป็นอมตะให้กินลูกท้อนี้เข้าไป เมื่อนางได้ทำเช่นนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองมีสุขภาพแข็งแรงขึ้นมาทันที และที่สำคัญไปกว่านั้นนางรู้สึกว่าไม่หิวเลยอะไรเลย อีกทั้งร่างกายก็เบาเหมือนปุยนุ่นจะเดินไปไหนก็คล่องแคล่วตัวเบาเหมือนเหาะได้ เนื่องจากเหอเซียนกูเป็นหญิงที่มีกตัญญูต่อบิดามารดาเป็นอย่างมาก หมั่นคอยดูแลปรนนิบัติเป็นอย่างดีมิได้ขาด นางไม่อาจทอดทิ้งบิดามารดาไปไหนได้ แม้ตัวเองจะกลายเป็นเซียนแล้วก็ตาม ในทุกเช้านางต้องมาปรนนิบัติดูแลบิดามารดาอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งเรื่องราวความกตัญญูของนางล่วงรู้ไปถึงพระนางบูเช็กเทียน พระนางจึงได้ให้ทหารไปเชิญนางให้มาเข้าเฝ้า แต่ในระหว่างเดินทางมาเข้าเฝ้านั่นเองเหอเซียนกูได้เหาะขึ้นไปบนฟ้าแล้วหายอย่างไร้ร่องรอย ตามหาอย่างไรก็ไม่พบอีกเลย
ส่วนอีกตำนานได้เล่าว่า เหอเซียนกูเป็นลูกสาวของเกษตรกรทำไร่ชา นางอาศัยอยู่กับบิดามารดา นางมีอุปนิสัยอ่อนโยน โอบอ้อมอารี ดูแลปรนนิบัติบิดามารดาด้วยความกตัญญู จนมาวันหนึ่งนางได้พบกับหลิ่วตงปิงที่ไร่ชาของนางและได้สนทนากัน และกลับมาบ้านตามปกติ แต่เมื่อถึงเวลากลางคืนนางได้นอนหลับและฝันไปว่า มีเซียนองค์หนึ่งมาบอกให้นางกินผงไมคา ซึ่งเป็นผงแร่ชนิดหนึ่ง มีลักษณะแวววาวเหมือนกระจก ซึ่งในฝันเซียนองค์นี้ได้บอกกับนางว่าหากนางกินผงนี้เข้าไปแล้วก็จะไม่เจ็บไม่ป่วย จะมีสุขภาพดีแข็งแรง เดินเหินได้คล่องเหมือนกับเหาะได้เลยทีเดียว เมื่อตื่นขึ้นมานางเชื่อว่าความฝันนั้นเป็นเรื่องจริง จึงไปหาผงไมคามากินและปรากฏว่าเป็นจริงตามที่ฝัน นางมีสุขภาพแข็งแรง เดินเหินได้คล่องเหมือนเหาะได้ ทำงานต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและคล่องตัวมาก นางจึงสามารถช่วยแบ่งเบางานที่บ้านช่วยเหลือบิดามารดาได้อย่างเต็มที่ จนเมื่อนางอายุได้ 13 ปี ฝ่ายบิดามารดาเห็นว่านางโตเป็นสาวแล้วสมควรที่จะออกเรือนได้แล้ว หากมีผู้ใดมาสู่ขอก็จะยกให้ทันที แต่นางกลับตั้งจิตอธิษฐานว่า นางจะขออยู่เป็นโสดตลอดชีวิตไม่กินเนื้อสัตว์ ซึ่งบิดามารดาของนางก็เข้าใจและไม่บังคับให้นางต้องแต่งงานแต่อย่างใด
จะเห็นว่าถึงแม้ตำนานจะมีความหลากหลาย แต่เนื้อเรื่องก็กล่าวถึงความกตัญญูของเหอเซียนกูทั้งสิ้น จึงกล่าวได้ว่าการที่นางได้เป็นเซียนนั้นก็มีผลมาจากความกตัญญูต่อบิดามารดานั่นเอง ในบรรดาแปดเซียนเหอเซียนกูมีสัญลักษณ์เป็นเทพแห่งความกตัญญู ความดีงาม ความซื่อสัตย์ และเทพแห่งเกษตรกรรม